การเคลื่อนไหวของราคาน้ำตาล

ตลาดน้ำตาลทรายดิบนิวยอร์คในวันนี้เปิดตลาดด้วยราคาที่มีทั้งไม่เปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น และลดลงจากวันก่อนในช่วง 0.01-0.06 เซนต์ และปิดตลาดด้วยราคาที่เพิ่มสูงขึ้นต่อ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาสภาพอากาศในบราซิล โดยสภาพอากาศที่แห้งขึ้นอาจเอื้อต่อการหีบอ้อยและอาจถ่วงราคาลงอีก ด้านราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX สัญญาส่งมอบเดือนกรกฎาคม 2560 ดิ่งลง 97 เซนต์ หรือ 2.19% มาปิดตลาดที่ 43.23 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 42.75-44.40 เหรียญสหรัฐฯ โดยระดับปิดของวันถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2559 ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์คตามสัญญาเดือนกรกฎาคม 2560 ปิดตลาดเพิ่มสูงขึ้น 0.15 เซนต์ หรือ 1.11% ที่ระดับ 13.61 เซนต์ หลังจากเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 13.35-13.70 เซนต์ และราคาน้ำตาลตามสัญญาเดือนตุลาคม 2560 ปิดตลาดเพิ่มสูงขึ้น 0.15 เซนต์ หรือ 1.10% ที่ระดับ 13.82 เซนต์ หลังจากเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 13.53-13.89 เซนต์ สำหรับเดือนอื่นๆ ปิดตลาดมีทั้งไม่เปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น และลดลงในช่วง 0.01-0.12 เซนต์ ปริมาณการซื้อขายมีจำนวน 116,060 ล็อต น้ำตาลคงเหลือในตลาด (Open Interest) ณ วันที่ 19 มิถุนายน 2560 ของน้ำตาลตามสัญญาเดือนกรกฎาคม 2560 ลดลง 11,456 ล็อต เหลือ 128,863 ล็อต และของน้ำตาลทั้งตลาดลดลง 4,021 ล็อต เหลือ 832,043 ล็อต ส่วนราคาน้ำตาลทรายขาวตลาดลอนดอนปิดตลาดเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยราคาน้ำตาลทรายขาวตามสัญญาเดือนสิงหาคม 2560 ปิดตลาดเพิ่มสูงขึ้น 4.90 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.22% ที่ระดับ 407.50 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน หลังจากเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 401.40-407.90 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน และราคาน้ำตาลตามสัญญาเดือนตุลาคม 2560 ปิดตลาดเพิ่มสูงขึ้น 4.90 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.27% ที่ระดับ 390.60 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน หลังจากเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 384.20-391.30 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน

ข่าวที่สำคัญ

วันที่ 20 มิถุนายน 2560 ISMA ของอินเดียรายงานว่า ตามที่รัฐบาลได้อนุญาตให้นำเข้าน้ำตาลทรายดิบประมาณ 500,000 ตัน โดยน้ำตาลจำนวนเกือบ 300,000 ตัน อยู่ระหว่างการขนส่ง ในขณะที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกลดลง ISMA ต้องการให้มีการเพิ่มภาษีนำเข้า เนื่องจากเกรงว่าราคาในประเทศจะลดลงอย่างรวดเร็ว น้ำตาลภายใต้โควตานำเข้าเกือบทั้งหมด 477,000 ตัน คาดว่าจะมาถึงภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ทั้งนี้ นาย T Sarita Reddy ประธาน ISMA ได้ส่งจดหมายถึงสำนักนายกรัฐมนตรีอินเดีย ว่าน้ำตาลทรายดิบจำนวน 296,000 ตัน จากบราซิลซึ่งเริ่มขนส่งตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน และออกจากท่าเรือบราซิล คาดว่าจะมาถึงอินเดียภายในวันที่ 15 มิถุนายน ผู้บริหารของอุตสาหกรรมกล่าวว่าเมื่อพิจารณาถึงระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 40 วัน จากบราซิลไปยังอินเดียน้ำตาลจะถึงประมาณต้นเดือนกรกฎาคม ดังนั้นขอให้รัฐบาลคำนวณความต้องการนำเข้าอย่างสูงสุดไว้ประมาณ 500,000 ตัน อย่างระมัดระวัง เนื่องจากผลผลิตน้ำตาลในฤดูการผลิตใหม่ จะทำให้เกิดน้ำตาลส่วนเกิน ดังนั้น อินเดียไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าน้ำตาลอีก           วันที่ 20 มิถุนายน 2560 มีรายงานว่า เพียง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ผลผลิตอ้อยในรัฐ Panjab ของอินเดียในปี 2559/2560 มีจำนวน 18.234 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 13.44 ล้านตัน ในปี 2554/2555 ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.794 ล้านตัน ในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2560 ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกอ้อยในปี 2554/2555 มีจำนวน 249,000 แฮคแต และ ในปี 2559/2560 มีจำนวน 264,000 แฮคแต และคาดว่าในปี 2565 พื้นที่เพาะปลูกอ้อยจะมีจำนวน 350,000 แฮคแต ผลผลิตอ้อยเฉลี่ยในปี 2554/2555อยู่ที่ 53.35 ตัน/แฮคแต แต่เพิ่มขึ้นเป็น 69.06 ตัน ในเดือนมีนาคมปีนี้ และตามแผนการในช่วงที่สาม (2560-2565) ได้คาดการณ์ผลผลิตอ้อยไว้ที่ 90 ตัน/แฮคแต โดยคาดว่าจะผลิตน้ำตาลได้ 737,000 ตัน/ปี เทียบกับ 524,000 ตัน ที่ผลิตได้ภายในสิ้นเดือนมีนาคมปีนี้ และผลผลิตน้ำตาลในปี 2558/2559 มีจำนวน 600,000 ตัน อนึ่งในปัจจุบันรัฐ Panjab มีโรงงานน้ำตาลจำนวน 11 โรงงาน

วันที่ 20 มิถุนายน 2560 กระทรวงเกษตรของรัสเซียรายงานว่า เพียง ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2560 เกษตรกรได้ปลูกบี้ทแล้วจำนวน 1,187,100 แฮคแต เพิ่มขึ้นจาก 1.07 ล้านแฮคแต ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน การเพาะปลูกบีทใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยพื้นที่เพาะปลูกบี้ทเพิ่มขึ้น 5.1% สูงกว่าพื้นที่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในฤดูการผลิตนี้ที่ 1.129 ล้านแฮคแต ขณะที่ Soyuzrossakhar ของรัสเซียคาดว่าพื้นที่เพาะปลูกบี้ทในปีนี้จะมีจำนวน 1.175 ล้านแฮคแต